เมนู

9. ปิณฑปาตปาริสุทธิสูตร



[837] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้:-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับ อยู่ที่พระวิหารเวฬุวัน อันเคย
เป็นสถานที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้นแล
ท่านพระสารีบุตรออกจากที่หลีกเร้นในเวลาเย็น เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
ยังที่ประทับถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
พอนั่งเรียบร้อยแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสดังนี้ว่า สารีบุตร เธอมีอินทรีย์
ผ่องใส มีผิวพรรณบริสุทธิ์ผุดผ่อง เธออยู่ด้วยวิหารธรรมอะไรเป็นส่วนมาก
ในบัดนี้.
ท่านพระสารีบุตรทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์อยู่ด้วย
วิหารธรรมคือสุญญตสมาบัติแลเป็นส่วนมากในบัดนี้.
[838] พ. สารีบุตร ดีละ ๆ เป็นอันว่าเธออยู่ด้วยวิหารธรรมของ
มหาบุรุษเป็นส่วนมากในบัดนี้ เพราะวิหารธรรมของมหาบุรุษนี้ก็คือสุญญต-
สมาบัติ เพราะฉะนั้นแล สารีบุตร ภิกษุถ้าหวังว่าจะอยู่ด้วยวิหารธรรมคือ
สุญญตสมาบัติเป็นส่วนมาก ภิกษุนั้นพึงพิจารณาดังนี้ว่า เราเข้าไปบิณฑบาต
ยังบ้านทางใด เที่ยวบิณฑบาตไปในประเทศใด และกลับจากบิณฑบาตแต่บ้าน
ทางใด ในทางและประเทศนั้น ๆ เรามีความพอใจ หรือความกำหนัด หรือ
ความขัดเคือง หรือความลุ่มหลง หรือแม้ความกระทบกระทั่งทางใจในรูปที่รู้
ได้ด้วยจักษุบ้างไหม สารีบุตร ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า เราเข้าไป
บิณฑบาตยังบ้านทางใด เที่ยวบิณฑบาตไปในประเทศใด และกลับจากบิณฑ-
บาตแต่บ้านทางใด ในทางและประเทศนั้น ๆ เรามีความพอใจ หรือความ

กำหนัด หรือความขัดเคือง หรือความลุ่มหลง หรือแม้ความกระทบกระทั่ง
ทางใจในรูปที่รู้ได้ด้วยจักษุอยู่ ภิกษุนั้นพึงพยายามละอกุศลธรรมอันลามกเหล่า
นั้นเสีย สารีบุตร แต่ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า เราเข้าไปบิณฑบาตยัง
บ้านทางใด เที่ยวบิณฑบาตไปในประเทศใด และกลับจากบิณฑบาตแต่บ้าน
ทางใด ในทางและประเทศนั้น ๆ เราไม่มีความพอใจ หรือความกำหนัด
หรือความขัดเคือง หรือความลุ่มหลง หรือแม้ความกระทบกระทั่งทางใจในรูป
ที่รู้ได้ด้วยจักษุ ภิกษุนั้นพึงเป็นผู้ศึกษาเนือง ๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน ใน
กุศลธรรมทั้งหลาย อยู่ได้ด้วยปีติและปราโมทย์นั้นนั่นแล.
[839] สารีบุตร ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุพึงพิจารณาดังนี้ว่า เรา
เข้าไปบิณฑบาตยังบ้านทางใด เที่ยวบิณฑบาตไปในประเทศใด และกลับจาก
บิณฑบาตแต่บ้านทางใด ในทางและประเทศนั้น ๆ เรามีความพอใจ หรือ
ความกำหนัด หรือความขัดเคือง หรือความลุ่มหลง หรือแม้ความกระทบ
กระทั่งทางใจในเสียงที่รู้ได้ด้วยโสต... ในกลิ่นที่รู้ได้ด้วยฆานะ ... ในรสที่รู้
ได้ด้วยชิวหา... ในโผฏฐัพพะที่รู้ได้ด้วยกาย... ในธรรมารมณ์ที่รู้ได้ด้วยมโน
บ้างไหม สารีบุตร ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า เราเข้าไปบิณฑบาตยังบ้าน
ทางใด เที่ยวบิณฑบาตไปในประเทศใด และกลับจากบิณฑบาตแต่บ้านทางใด
ในทางและประเทศนั้น ๆ เรามีความพอใจ หรือความกำหนัด หรือความขัด
เคือง หรือความลุ่มหลง หรือแม้ความกระทบกระทั่งทางใจในธรรมารมณ์ที่รู้
ได้ด้วยมโนอยู่ ภิกษุนั้นพึงพยายามละอกุศลธรรมอันลามกเหล่านั้นเสีย สารี
เที่ยวบิณฑบาตไปในประเทศใด และกลับจากบิณฑบาตแต่บ้านทางใด ใน
ทางและประเทศนั้น ๆ เราไม่มีความพอใจ หรือความกำหนัด หรือความขัด
เคือง หรือความลุ่มหลง หรือแม้ความกระทบกระทั่งทางใจในธรรมารมณ์ที่รู้

ได้ด้วยมโน ภิกษุนั้นพึงเป็นผู้ศึกษาเนือง ๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน ในกุศล
ธรรมทั้งหลาย อยู่ด้วยปีติและปราโมทย์นั้นนั่นและ.
[840] สารีบุตร ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุพึงพิจารณาดังนี้ว่า เรา
ละกามคุณ 5 ได้แล้วหรือหนอ สารีบุตร ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า เรา
ยังละกามคุณ 5 ไม่ได้เลย ภิกษุนั้นพึงพยายามละกามคุณ 5 สารีบุตร แต่ถ้า
ภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า เราละกามคุณ 5 ได้แล้ว ภิกษุนั้นพึงเป็นผู้ศึกษา
เนือง ๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน ในกุศลธรรมทั้งหลาย อยู่ด้วยปีติและ
ปราโมทย์นั้นนั่นแล.

ว่าด้วยนีวรณปัญหา


[841] สารีบุตร ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุพึงพิจารณาดังนี้ว่า เรา
ละนีวรณ์ 5 ได้แล้วหรือหนอ ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่ รู้อย่างนี้ว่า เรายังละ
นีวรณ์ 5 ไม่ได้เลย ภิกษุนั้น พึงพยายามละนีวรณ์ 5 สารีบุตร แต่ถ้าภิกษุ
พิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า เราละนีวรณ์ 5 ได้แล้ว ภิกษุนั้น พึงเป็นผู้ศึกษาเนือง ๆ
ทั้งกลางวันและกลางคืน ในกุศลธรรมทั้งหลาย อยู่ด้วยปีติและปราโมทย์นั้น
นั่นแล.
[842] สารีบุตร ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุพึงพิจารณาดังนี้ว่า เรา
กำหนดรู้อุปาทานขันธ์ 5 ได้แล้วหรือหนอ สารีบุตร ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้
อย่างนี้ว่า เรายังกำหนดรู้อุปาทานขันธ์ 5 ไม่ได้เลย ภิกษุนั้นพึงพยายาม
กำหนดรู้อุปาทานขันธ์ 5 สารีบุตร แต่ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่ รู้อย่างนี้ว่า เรา
กำหนดรู้อุปาทานขันธ์ 5 ได้แล้ว ภิกษุนั้นพึงเป็นผู้ศึกษาเนือง ๆ ทั้งกลางวัน
และกลางคืนในกุศลธรรมทั้งหลาย อยู่ด้วยปีติและปราโมทย์นั้นนั่นและ.